มารู้จักและเข้าใจ User Generated Content ง่าย ๆ ใน 5 นาที


User Generated Content คืออะไร มีใครเคยได้ยินบ้าง ???

มันคือคอนเทนต์ที่สร้างขึ้นโดยผู้ใช้งานเป็นผู้กำหนดทิศทาง เราเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ติดตามในเวลาเดียวกัน เช่น เราสนใจเรื่องรถแต่ง เราก็จะติดตามและแชร์ เรื่องรถแต่งบนโซเชียล ไม่ว่าจะเป็น Facebook , Twitter , YouTube หรือบนเว็บไซต์เราเอง

ทุกวันนี้ เราจะเห็นว่าใคร ๆ ก็สามารถสร้างเพจเองได้ง่ายมาก เราเห็นเพจดัง ๆ หรือเน็ตไอดอลเต็มไปหมด สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากการที่เขาเคยเป็นผู้ใช้งาน!  จริง ๆ แล้ว เทรนด์นี้มันอยู่กับเรามาตลอดนะ เพียงแต่เราอาจไม่ทันสังเกตุ ยกตัวอย่าง Facebook , Twitter , YouTube นั่นคือสิ่งที่ผู้ใช้งานเป็นคนสร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น

UGC จะทำให้เรามีตัวเลือกเยอะมากขึ้น แต่เราไม่มีทางรู้หรอกว่าคอนเทนต์ไหนจะดัง มันเป็นเรื่องของจังหวะ โอกาส เราเห็นเคสที่ดังในคืนเดียวแล้ววันรุ่งขึ้นมันก็หายไป ในแง่ของผู้บริโภค เขาแชร์เพราะว่ามันสนุก แล้วก็จบไป มันจะไม่ได้รับการพูดถึงเหมือนไวรอล หรือดราม่า

สรุป … แพรตฟอร์ม UGC  มันเหมาะกับคนไทยมาก เพราะอะไรเหรอ เพราะคนไทยใช้เวลาอยู่กับโซเชียลเกือบ 24 ชั่วโมง ตื่นนอนมาก็อ่าน โพส์ แชร์ กันแล้ว เวลานี้เราอาจบอกไม่ได้ว่าเทรนด์นี้จะโตในเมืองไทยไหม แต่มันเป็นเทรนด์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก ตราบใดที่มันยังอยู่บนอินเทอร์เน็ต มันก็คือโอกาส

โฉมใหม่ของ Google Tag Assistant & Google Tag Assistant Recording


โฉมใหม่ของ Google Tag Assistant & Google Tag Assistant Recording คืออะไร 

– Google Tag Assistant Recording เป็นเครื่องมือที่ทำหน้าที่ได้เหมือนกับ Google Tag Assistant ที่หลาย ๆ คนเคยใช้มาแล้ว แต่เพียงคุณสามารถที่จะทำการ บันทึก หรือ Record (ที่มาของชื่อใหม่นี้) หน้าเว็บที่สำคัญของคุณ (เช่น หน้า Thank You page) ว่ามีคนเข้ามาจากหน้าใดบ้าง เช่น facebook หรือหน้า search ของ google นั้นเอง

แล้ว Google Tag Assistant คืออะไร ?

– Google Tag Assistant คือเครื่องมือช่วยในการที่จะยืนยันว่าการลง Google tracking ต่าง ๆ บนหน้าเว็บของคุณได้ทำถูกต้องแล้วหรือยัง เช่น คุณได้ดำเนินการใส่ Google Analytics ไปในหน้าเว็บ หรือว่า Conversion Tracking ในหน้าที่ลูกค้าใส่ฟอร์มเข้ามาในหน้า “Thank You” ของเว็บเรา

สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีการทำงานและการตั้งค่าต่างๆได้ที่นี่ >>> Google Tag Assistant Recording  

เรื่องที่ต้องรู้ เมื่อจะเริ่มต้นทำ SEO แบบง่าย ๆ


Search Engine เป็นเครื่องมือของ Google ที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลต่าง ๆ บนโลกออนไลน์ ซึ่ง Search Engine ที่มีชื่อเสียงก็มีหลายโปรแกรมด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Google, Yahoo หรือ Bing แต่ที่คนไทยใช้งานกัน และคุ้นเคยมากที่สุดก็เห็นจะหนีไม่พ้น Google Search นั่นเอง 

ในผลการค้นหาของ Google Search เราจะพบกับผลการค้นหา 2 รูปแบบ ด้วยกัน คือ …

  1. Paid Search Result 

  2. Organic Search Result

โดยรูปแบบ Paid Search Result จะเป็นการลงโฆษณาโดยใช้ Tools โฆษณาที่ชื่อว่า Google Adwords  ส่วน  Organic Search Result  คือข้อมูลหน้าเว็บไซต์ทั้งหมดที่ทางระบบของ Search Engine รวบรวมมาโดยใช้คะแนนในการจัดอันดับ การให้คะแนนนั้นก็ขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ที่แต่ละ Search Engine ได้กำหนดขึ้น

ระบบการจัดอันดับการแสดงผลใน Search Result Page (หน้าแสดงผลการค้นหา) มีชื่อเรียกว่า Algorithm (อัลกอริทึม) แต่ละ Search Engine จะมีระบบ Algorithm ที่แตกต่างกันและจะมีการอัพเดตอยู่เสมอๆ เราจึงจำเป็นต้องสร้างเว็บไซต์ให้มีคุณภาพตาม Algorithm เพื่อให้เว็บไซต์สามารถทำอันดับได้ดีมากที่สุด

  1. Search Engine เก็บข้อมูลเป็น “หน้า ๆ” ไป ไม่ได้เก็บทั้งเว็บไซต์นะ !

ตัวอย่างเช่น หากเรา Search คำว่า “ ผ้าปูที่นอน ” เราจะพบกับหน้าเว็บไซต์ที่ขาย ผ้าปูที่นอน ที่ติดอันดับในผลการค้นหาแสดงมาให้

  1. ภาพที่คุณเห็น ไม่ใช่สิ่งที่ Google เห็น

เวลาที่เราทำการค้นหา ระบบจะส่งโรบอทเข้ามาเก็บข้อมูลของเว็บเรา ระบบจะอ่านตัวหนังสือ และ Coding ออก แต่จะไม่รู้ว่าภาพในเว็บคือภาพอะไร เว้นแต่ว่าเราเขียนคำอธิบายภาพไว้ใน Code หรือ ระบบอาจจะสุ่มเดาจากข้อความต่าง ๆ ใกล้กับภาพนั้น ๆ

  1. คำ 3 คำที่ต้องรู้จักเมื่อจะเริ่มทำ SEO คือ Title, Description และKeyword

Keyword : คือ คำที่เราค้นหาในช่อง Search ซึ่งระบบจะเก็บข้อมูล “คำ” ต่าง ๆ ในหน้าเว็บของเรา แล้วนำมาวิเคราะห์ว่า เว็บของเราจะเกี่ยวข้องกับ Keywords อะไรบ้าง และเมื่อเวลาที่เกิดการค้นหาที่ Keyword  ระบบจะแสดงผลหน้าเว็บของเราขึ้นมาให้ตรงกับ Keywords ที่มีการค้นหาด้วย Keywords นั้น ๆ

Title :  หัวเรื่องของเว็บเพจนั้น ๆ  ทั้งนี้ก็เพราะว่าชื่อเรื่องจะได้รับการแสดงเป็นหัวเรื่องใน Search Engine ด้วย ดังนั้นการตั้งชื่อ Title นั้นไม่ควรยาวเกิน 70 ตัวอักษร เพราะว่า Google จะนำมาแสดงแค่ 70 ตัวอักษรเท่านั้น (เพื่อไม่ให้ยาวเกินไปในหน้าค้นหานั่นเอง) ดังนั้นการตั้งชื่อหัวเรื่องให้ดูกระชับ ดึงดูด และได้ใจความ เป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ๆ เพราะสิ่งนี้แหละ ที่จะช่วยให้ผู้ค้นหาแวะเวียนเข้ามาดูข้อมูลในเว็บเรานั่นเอง

Description :  คำอธิบายเกี่ยวกับเนื้อหาต่าง ๆ หรือการแสดงรายละเอียดสั้น ๆ ของหน้าเว็บไซต์  ไม่ควรเขียนให้สั้น หรือ ยาวจนเกินไป ข้อความที่เขียนควรสัมพันธ์กับเนื้อหาของเว็บไซต์  ซึ่งตามปกติแล้ว Search Engine ก็จะดึงข้อมูลมาจากเนื้อหาต่าง ๆ ในหน้าเว็บของเรามาแสดงผล

 

Negative Placement List Google AdWords Campaign Should Exclusion


1800premier.com

adsenseformobileapps.com

airportbuss.com

alibapaa.com

anonymous.google.com

arealme.comartzzns.com

babyhazelgames.com

blogspot.co.id

blogspot.com

blogspot.com,ng

blogspot.jp

blogspot.kr

celebtimeline.new

schannelnewsthailand.com

cobarlee.xyz

daliulian.net

designnew-web.in

fodooballsod.com

dramacity.xyz

educationsystemmbaonline.in

fofootballspicy.com

foursquare.com

haijai.comhotmoviehd.com

hugfootball.com

ilivebig.org

ilovetranslation.com

it-guides.com

iuvclub.com

job-108.com

khaobox.com

khaoup.com

livesoccer888.com

ludigames.commoo-hinn.com

movenextarticles.com

newss247.info

painaidii.com

parisza.com

recozone.com

siamvids.com

softgames.detechs365.info

thaibabyname.com

thaieditorial.com

thailand365.info

thainew24s.info

thairoosunan.com

thanaza.com

วิเคราะห์ เหตุผลของการปรับตำแหน่งโฆษณา Google AdWords


เมื่อสักเดือนที่แล้ว ผมเคยโพส์ข่าวเกี่ยวกับ Google ประกาศนโยบายใหม่ ตัดโฆษณาด้านข้างออกหมด ลดพื้นที่โฆษณาตัวเอง หายไปถึง 8 ตำแหน่ง จากเดิมมีทั้งหมด 11 ตำแหน่ง คือ … ด้านบนหรือด้านล่าง 3 ตำแหน่ง ด้านข้าง 8 ตำแหน่ง ปรับลดเหลือเพียง 4 ตำแหน่ง โดยจากเดิม 3 ตำแหน่ง เพิ่มด้านบนอีก 1 ตำแหน่ง 

จึงเกิดคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะเป็น …..
1. ค่าคลิกจะแพงขึ้นหรือเปล่า
2. เมื่อพื้นที่โฆษณาลดลง มีข้อดี ข้อเสียยังไง 
3. กระทบการทำ SEO ไหม

ผมวิเคราะห์แบบนี้ … 

เหตุผลของการปรับตำแหน่งโฆษณา Google พบว่าโฆษณาในตำแหน่งด้านบนมีอัตราการคลิก (click through rate) สูงกว่าโฆษณาด้านขวามือถึง 14 เท่า (วัดจากโฆษณาเดียวกัน แสดงบน Keyword เดียวกัน) จึงน่าจะเป็นเหตุผลสำคัญที่ Google ตัดสินใจตัดตำแหน่งโฆษณาด้านขวามือออกไป

1. ค่าคลิกจะแพงขึ้นหรือเปล่า

ส่วนตัวมองว่าค่าคลิกไม่น่าจะเพิ่มขึ้นเท่าไหร่ เพราะ Google คงวิเคราะห์มาอย่างดีแล้วถึงผลดี ผลเสีย ที่ปรับลดตำแหน่งโฆษณาของตัวเองลง เพราะ Google คงไม่ปล่อยให้คู่แข่งที่น่ากลัวอย่าง Facebook ได้ค่าคลิกที่ถูกกว่า Google อย่างแน่นอน ยกเว้นกรณีคู่แข่งใช้ Keywords เดียวกัน Bid แข่งกันเอง 

2. เมื่อพื้นที่โฆษณาลดลง มีข้อดี ข้อเสียยังไง 

ด้วยจำนวนการใช้ Smart Phone ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ Google ต้องการผลักดัน Platfrom Mobile Friendly ที่ให้ทุกเว็บไซต์ต้องรองรับการแสดงผลบนโทรศัพท์มือถือ จึงปรับอัลกอลิทึ่ม เพื่อรองรับการแสดงผลบน Smart Phone จึงเพิ่มด้านบนอีก 1 ตำแหน่งจากเดิม 3 ตำแหน่ง ให้เป็น 4 ตำแหน่ง ซึ่งเพิ่มพื้นที่โฆษณามากถึง 25% เลยทีเดียว อย่างที่บอกไป Google พบว่าโฆษณาในตำแหน่งด้านบนมีอัตราการคลิกที่สูงกว่าโฆษณาด้านขวามือ 

3. กระทบการทำ SEO ไหม

การปรับตำแหน่งโฆษณาของ Google  ทำให้ครึ่งหน้าของการแสดงผลการค้นหา (above the fold) มีลิงก์ที่เป็น organic เพียงไม่กี่ลิงก์เท่านั้น ที่เหลือเป็นลิงก์จ่ายเงินทั้งหมด ดังนั้นคนที่ทำการตลาดออนไลน์ต้องปรับสมดุลใหม่ว่าจะเลือกทำ SEO เท่าไร และจ่ายเงินซื้อ AdWords เท่าไร การทำ SEO จึงยากมากขึ้น ประกอบกับ Google เองมีปรับแก้อัลกอลิทึ่มบ่อยมาก เพื่อป้องกันการทำ SEO แบบผิด ๆ  

 

 

มาทำความรู้จัก Facebook Ads ให้มากขึ้นกันเถอะ


Facebook Ad : คือโฆษณาที่สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Facebook เอง การแสดงผลขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น กิจกรรมของผู้ใช้, ข้อมูลทางประชากรศาสตร์, ข้อมูลการใช้งานผ่านอุปกรณ์ต่างๆ, การชมโฆษณา และจากการร่วมทำกิจกรรมผ่าน Facebook

Facebook Custom Audiences : คือกลุ่มเป้าหมายที่เรากำหนดขึ้นมาเอง ในการสร้างกลุ่มเป้าหมายจะช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้รายชื่อลูกค้า เช่น อีเมล, หมายเลขโทรศัพท์หรือ Facebook ID ให้ไปแสดงโฆษณากับกลุ่มเป้าหมายบน Facebook โดยระบบจะทำการจับคู่ข้อมูลที่นำเข้า ให้ไปตรงกับข้อมูลที่มีระบบของ Facebook เอง เพื่อสร้างเป็นกลุ่มเป้าหมายของผู้ซื้อโฆษณา

Facebook Lookalike Audiences : คือกลุ่มผู้ชมที่มีความคลายคลึงกับกลุ่มเป้าหมาย เป็นการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงของการโฆษณา มันช่วยให้ผู้โฆษณาเข้าถึงผู้ใช้ Facebook ที่มีความคล้ายกับรายชื่อลูกค้าที่พวกเขามีอยู่ใน Custome Audience อยู่แล้ว ด้วยอัลกอริทึมที่กำหนดเองได้ของ Facebook จะสามารถดึงกลุ่มของผู้ใช้ที่มีความสนใจคล้ายกัน หรือข้อมูลทางประชากรศาสตร์ได้ เป็นต้น

Facebook Post Engagement rate : Engagement คือ 1 ในหลายๆ สิ่ง ที่ผู้สร้าง content ต้องการ  มันคือการวัดอัตราการมีส่วนร่วมของแฟนๆ พิจารณาจากการกระทำของแฟนที่มีต่อโพส วิธีการโต้ตอบกับโพส เช่น Like, Comment & Share มันมีสูตรที่แตกต่างกันไป สามารถนำมาใช้ในการคำนวณการมีส่วนร่วมโพส หรือ อัตราการมีส่วนร่วม สามารถเอามาคำนวณได้ สำหรับการโพสๆเดียว หรือสำหรับจำนวนของโพสทั้งหมดตามเงื่อนไขของกรอบเวลา

เรามาดูประเภทโฆษณาบน Facebook กันว่าที่ผ่านมามีทั้งหมดกี่แบบ

1. Page Post Engagement 

Page Post Engagement คือ การมีส่วนร่วม การโปรโมตโพสต่างๆ ที่เราได้โพสไว้บน Timeline ของเพจนั่นเอง การโฆษณาแบบนี้ จะทำให้เราโพสของเรามีโอกาสไปปรากฏ News Feed ของกลุ่มเป้าหมายที่เราได้เลือกไว้ ยิ่งไปกว่านั้น เรายังสามารถเลือกได้ด้วยว่า จะให้ขึ้นตรงที่ News Feed หรือตรงที่ Side Bar (แถบด้านข้าง) หรือให้ปรากฎขึ้นทั้ง 2 ที่เลยก็ได้

2. Page Likes

เหมาะสำหรับเพจเพิ่งเปิดใหม่ ยังมียอดไลค์ไม่มาก ต้องการความน่าเชื่อถือ และต้องการให้ทุกโพสบนเพจเรา มีโอกาสที่คนจะเห็นมากขึ้น พราะพื้นฐานของความน่าเชื่อถือการซื้อขายบนโลกออนไลน์ มาจาก “จำนวนไลค์เพจ” นี่ล่ะ และจำนวนไลค์เพจที่ได้มาจากการโฆษณาประเภทนี้ ถือว่าเป็น “ว่าที่ลูกค้าของเรา” ในอนาคต เพราะเค้ากดไลค์ด้วยความสนใจในเพจเราจริงๆ นั่นเอง

3. Clicks to Website

เหมาะสำหรับร้านค้าที่มีเว็บไซต์เป็นของตัวเองอยู่แล้ว อาศัย Facebook Page เป็นตัวสร้างโฆษณา เมื่อลูกค้าคลิกโฆษณา ก็จะถูกส่งไปยังเว็บไซต์ของเรา

4. Website Conversions

เหมาะสำหรับคนที่ต้องการวัดผลโฆษณา (conversion) พูดง่ายๆ ก็คือ จำนวนครั้งที่เกิด action อะไรก็ตามที่เราอยากให้กลุ่มเป้าหมายทำ เช่น ลงทะเบียน , สมัครสมาชิก , ซื้อของ เป็นต้น

5. App Installs

เหมาะสำหรับ คนที่มี App เป็นของตัวเอง ต้องการโปรโมทให้คน Download App ให้คนรู้จัก

6. App Engagement

เหมาะสำหรับ คนที่มี App เป็นของตัวเอง มียอดดาวน์โหลดอยู่แล้ว แต่ยังต้องการเพิ่มยอด Download ให้มากขึ้น

7. Event Responses

จะส่งเป็นคำชวนบน News Feed ว่าจะไปร่วมกิจกรรมด้วยกันหรือไม่ ? ตัวอย่างเช่น งานฉลองเปิดร้านใหม่ งานสัมนาวิชาการ งานเปิดตัวร้านค้า หรืองานเปิดห้างสรรพสินค้า ซึ่งโฆษณาแบบนี้ เป็นอีกช่องทางนึงในการสร้างปฎิสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า

8. Offer Claims

ฟีเจอร์นี้ดูไม่ต่างจาก Page Post Engagement แต่การทำ Offer (ข้อเสนอ) มันทำให้ร้านของเราดูมีลูกเล่นน่าสนใจมากขึ้น ลูกค้าจะรุ้สึกเหมือนได้รับอภิสิทธิ์พิเศษ เพราะมีการแสดง เวลาหมดอายุ , จำนวนคนที่ใช้สิทธิ์ไปแล้; หรือส่วนลดราคาสินค้า

9. Video Views

เหมาะสำหรับ ร้านค้าที่มีคลิปวิดีโอโฆษณาสินค้าเป็นของตัวเอง และอยากโปรโมตคลิปโฆษณานี้

 

 

สรุปงาน F8 ที่นักการตลาดควรรู้ !


12473950_10154069351829192_2533878543259808517_o

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะมาของ Facebook ที่นักการตลาดควรรู้ ! เกี่ยวกับงาน F8

Mark Zuckerberg, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Facebook เป็นประธานเปิดการประชุมงาน F8 ประเทศซานฟรานซิส เป็นการประชุมสำหรับนักพัฒนา (Developer) เป็นประจำปีของทุกปี ในปีนี้จัดขึ้นวันที่ 12 – 13 เมษายน

หัวข้อในการประชุมที่จัดขึ้น 2 วัน มีดังนี้

วันอังคารที่ 12 เมษายน 2559

– The Future of Video on Facebook 

– Growth Marketing: Best Practices for Getting and Keeping an Audience 

– Best Practices for Advertising on Facebook & Instagram

– Marketing APIs: Marketing Automation Has a Competitive Advantage

วันพุธที่ 13 เมษายน 2559

– Messenger: The Future of Communications

– Facebook Audience Network: Mobile Monetization for Publishers 

– An Inside Look at Live Video Streaming at Facebook 

13007272_10154069351639192_1688576259762779450_n

ฟีเจอร์ที่ทาง Facebook ประกาศ นำออกมาใช้เร็วๆ นี้ มีดังนี้ …

1. chat bots : Facebook มีแผนจะประกาศก็นำ Bots Chat ไปใช้ใน Messenger เครื่องมือซอฟต์แวร์ใหม่จะช่วยให้นักพัฒนาสามารถสร้างบอทเฉพาะสำหรับ Messenger โดยบอทเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ใช้ Messenger สามารถโต้ตอบกับบริการที่มักจะต้องใช้ app แยกต่างหาก เช่นร้านอาหาร หรือ การจองตั๋วเครื่องบิน 

facebook-messenger-klm.jpg

2. Live Video app : เปิดประสบการณ์ใหม่ในการถ่ายทอดสดแบบ 360 และถ่ายทอดสดเพลงหนัง ข่าวสั้น ได้เหมือนมีสถานีโทรทัศน์เป็นของตัวเอง

facebook-se-co-chieu-tro-gi-tai-f8 (1)

3. Message my business : คุณลักษณะพิเศษที่สามารถแบ่งปันลิงค์หรือสแกน QR Code ที่เปิดการสนทนา Messenger ด้วยธุรกิจ

facebook-se-co-chieu-tro-gi-tai-f8 (2)

4. Video Online : Facebook อยู่ในระหว่างการเจรจากับค่ายเพลงและผู้ผลิตวิดีโอขนาดใหญ่ เพื่อเอาชนะ YouTube ให้จงได้

facebook-se-co-chieu-tro-gi-tai-f8

5. DIY virtual reality : เปิดตัว Application And Game รองรับ 360 องศา

OculusRiftFacebook

6. Payment app : Facebook กำลังเปิดตัวการชำระเงินมือถือภายในแอป Messenger ได้

b82uxvfmhhylvvglod3a

ที่มาของข่าว >>>  CNBC

 

สรุปงาน YouTube Agency Day 2016


“Make Love Not Ads”  คือชื่อ Theme ของงาน ‎YouTube Agency Day 2016 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา ณ.โรงแรม Centara Grand Hotel  งานในปีนี้ มีผู้บริหารจาก Google มากันครบ ไม่ว่าจะเป็น …

12803292_10153933309434192_2742505759729233094_n

” Ben King ” Country Head of our business and operations – Google Thailand

12376794_10153933309504192_7260255276135973002_n

” Pate Nuchanatanon ”  Head of Marketing – Google Thailand

12795555_10153933314059192_8483043623208021409_n

” Phu Truong ” Head of Agency – Google Thailand

ในงานแบ่งเป็น 2 ช่วง

ช่วงแรก

คุณ Ben King และคุณ Pate ออกมาพุดถึง สถิติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จำนวนผู้ใช้มือถือ จำนวนคนไทยเสพคอนเทนต์ และสถิติอื่น ๆ ในช่วงเวลา 1 ปีที่ผ่านมา

การเติบโตของสมาท์โฟนในปัจจุบัน

  • ราคาสมาร์ทโฟนถูกลงกว่าเมื่อก่อนมาก
  • Internet และการมาของ 4G  ในประเทศไทยมีคุณภาพดีขึ้นมาก ทำให้คนดูสามารถเข้าถึงคอนเทนต์ต่างๆ ได้รวดเร็วได้มากกว่าแต่ก่อน
  • เกิดคอนเทนต์ใหม่ๆ ในแพล็ตฟอร์มเพิ่มขึ้นกว่าแต่ก่อนมากมาย
  • ในปี 2015 ยอดขายสมาร์ทโฟนในไทยเติบโตขึ้นถึง 47%
  • มูลค่าตลาดสมาร์ทโฟนของไทยในปี 2015 คือ 124 ล้านบาท
  • ระบบปฏิบัติการที่คนไทยใช้มากที่สุดคือ Android 77% รองลงมาคือ iOS 17%

พฤติกรรมการใช้สมาร์ทโฟนในไทย

  • คนไทยใช้  Mobile 150 ครั้งต่อวัน จากเดิมปีที่แล้ว 100 ครั้งต่อวัน
  • ใช้ใน  Online shopping  มากที่สุด
  • คอนเทนต์ที่ผู้คนดูมากที่สุดคือ Video
  • คนไทยใช้ Google search มากถึง 90%
  • จำนวนคนดู YouTube 19.7 ล้านคน
  • จำนวนคนใช้ Android 43 ล้านคน
  • จำนวนคนใช้ Google+ 117 ล้านคน
  • ประเทศไทยติดอันดับ 4 จาก 10 ของประเทศที่มีจำนวนชั่วโมงการดู YouTube มากที่สุด
  • 50% ของผู้ใช้อินเตอร์เน็เข้าตู YouTube ทุกวัน
  • มีการอัปโหลดวิดีโอเพิ่มมากขึ้นถึง 70%
  • วิดีโอมีความยาวโดยเฉลี่ย 4 นาที (ยาวที่สุดอยู่ที่ 8 นาที

This slideshow requires JavaScript.

คลิกดูภาพสไลด์

ช่วงที่ 2

พูดถึงการทำ Content ที่ดี วิธีการสร้าง Content

This slideshow requires JavaScript.

คลิกดูภาพสไลด์

คอนเท้นต์ที่คนไทยชอบดู จาก Top 200 Channels จะแบ่งเป็น 4 ประเภทด้วยกัน คือ

  • YouTube Creators ช่องที่เกิดขึ้นจากเหล่า Creators

  • Professional Music คอนเท้นต์ที่เกี่ยวกับเพลงต่างๆ

  • TV Content รายการโทรทัศน์ที่เป็น Live Streaming และรายการย้อนหลัง

  • Movies ซึ่งรวมถึงหนังตัวอย่างภาพยนตร์และเบื้องหลังการถ่ายทำ

ต้องขออภัยข้อมูที่บันทึกบางส่วนสูญหายไป เลยทำให้ข้อมูลไม่ประติดประต่อกัน รวมทั้งภาพสไลด์ทั้ง 2 ช่วง ก็หามาได้ไม่ครบ

 

 

 

คำศัพท์ Digital Media ที่คุณควรรู้ !


สำหรับคนที่สนใจอยากศึกษาหาความรู้เรื่อง Digital Marketing มีคำแนะนำเบื้องต้นว่า ให้เริ่มจากการทำความเข้าใจความหมายของคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Digital Marketing ก่อนเลย เพราะมันจะช่วยให้เราเข้าใจข้อมูลต่างๆได้ง่ายขึ้น ซึ่งบทความนี้จะรวบรวมคำศัพท์ที่จะเจอบ่อยๆ โดยจะขอเริ่มจากคำศัพท์ที่เกี่ยวกับ Digital Media ก่อนเลย

ANALYTICS

Tools ที่ใช้ในการวิเคราะห์แคมเปญโฆษณา การประเมินประสิทธิภาพและผลของการโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแสดงผล (impressions) ปริมาณการคลิก (Clicks) และการได้มาซึ่งเป้าหมาย (conversions) ที่เกิดจากสื่อโฆษณานั้นๆ 

AD BLOCKER

Ad Blocker จะถูกใช้เพื่อป้องกันความรำคาญโฆษณา มีไว้ช่วยป้องกันการแสดงผลของโฆษณาออนไลน์หรือรูปแบบการโฆษณาอื่น ๆ

AD ENGAGEMENT

ตัวชี้วัดความสัมพันธ์ของโฆษณาระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค ซึ่งแตกต่างกันไปตามประเภทของการโฆษณา ตัวอย่างเช่น สำหรับสื่อโฆษณาประเภท Rich Media ความสัมพันธ์อาจจะวัดจากอัตราการเล่นและระยะเวลาในการเล่นโดยเฉลี่ย

AD EXCHANGE

เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการซื้อและการขายโฆษณาออนไลน์ที่นำผู้ซื้อโฆษณา (Media Agencies, Media Networks )และเจ้าของสื่อ (publishers) มาพบกัน Ad Exchange จะช่วยให้การซื้อและการขายโฆษณาเป็นไปโดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องติดต่อกันโดยตรง ดังนั้นระบบ Ad Exchange จึงช่วยลดค่าใช้จ่ายทางการตลาดและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

AD IMPRESSION

การแสดงผลจำนวนครั้งที่โฆษณาจะปรากฏให้ผู้ชมได้เห็น โดย Ad Impression จะถูกนับแม้ว่าหน้าเวปยังแสดงผลไม่ครบโฆษณาซึ่งจำนวนที่แสดงอาจจะไม่ใช่จำนวนที่ดูจริงๆ ตัวอย่างเช่น หากมีผู้เยี่ยมชม 1 คน เข้าดู 5 หน้าก็จะสร้าง 5 impressions หากมีผู้เข้าชม 2 คนเข้าดูและดูคนละ 5 หน้าก็จะสร้าง 10 impressions เป็นต้น

AD NETWORK

เครือข่ายโฆษณา คือ บริษัทตัวแทนรับลงโฆษณาและดูแลโฆษณาให้ในเว็บต่างๆ และจะไปหาโฆษณาจากเจ้าของสินค้ามาลงให้ ซึ่งพูดง่ายๆ ก็คือ Agency ที่มีการสร้าง Network เป็นของตัวเอง

AD SERVERS

เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้การจัดการแคมเปญโฆษณาออนไลน์​และการกระจายโฆษณาไปที่เว็บไซต์ต่างๆ นอกจากนี้ยังสามารถวัดผลและสถิติของแคมเปญโฆษณาของเราได้อีกด้วย โดยปกติ Ad Servers จะถูกใช้โดยเจ้าของสื่อ Publishers, Ad networks หรือ Agencies ในแคมเปญเดียวกันสามารถเลือกใช้ Ad Servers ได้มากกว่า 1 ผู้ให้บริการ 

AD SENSE

AdSense เป็นโปรแกรมการหารายได้โดย Google ที่มีเครือข่ายมากกว่า 2 ล้านเว็บไซต์ เพื่อให้คนที่มี Web site เป็นของตังเอง มีรายได้จากตัวโปรแกรม AdSense นี้ โดยตัวโปรแกรมนี้จะกำหนดกลุ่มผู้ชมที่จะเชื่อมโยงกับกับการเลือกกลุ่มเป้าหมายในระบบการลงโฆษณาด้วย Google Adwords ผ่านโปรแกรมที่เรียกว่า Display Network

RICH MEDIA

คือ การโฆษณาแบบสมบูรณ์แบบทั้งภาพ, เสียง , วีดีโอ ซึ่งสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้ได้ โดยมีรูปแบบหลากหลายมาก เช่น โฆษณาเต็มหน้าคล้ายกับโฆษณาทางทีวี 

PROGRAMMATIC ADVERTISING

รูปแบบการซื้อโฆษณา ที่ใช้เครื่องมือซอฟท์แวร์มาช่วยในการซื้อขายโฆษณาแบบอัตโนมัติ นอกจากนี้ Programmatic นั้นครอบคลุมสื่อออนไลน์ทั้ง Single Site Display, Facebook Exchange, GDN และ Mobile Ads ต่างๆ อีกด้วย การซื้อสื่อรูปแบบนี้นั้นจะทำผ่าน Demand-Side platform (DSP) ที่ใช้ demand-side software ในการปรับแต่งเพื่อให้ได้กลุ่มเป้าหมายและราคาที่เหมาะสมในการซื้อ

RE-TARGETING

หรือ Re-marketing เป็นเครื่องมือทางการตลาดในการกระตุ้นให้ลูกค้ากลับเข้ามาเลือกซื้อสินค้าหรือใช้บริการบนเว็บไซต์ของเราอีก ซึ่งก็คือเมื่อมีลูกค้าเข้ามาสู่เว็บไซต์ของเราแล้วก็จะมีการเก็บข้อมูลของลูกค้าคนนั้นๆ เอาไว้ จากนั้นเมื่อลูกค้าไปใช้บริการเว็บอื่นๆ ลูกค้าก็จะเห็น Advertise หรือ Banner ที่โฆษณาสินค้าใหม่ๆ หรือโปรโมชั่นต่างๆ ของเว็บไซต์เรา เพื่อให้ลูกค้าเกิดความสนใจและกลับเข้ามาใช้บริการบนเว็บไซต์ของเราอยู่เสมอๆ

REAL TIME BIDDING

คือ การประมูล Audience กลุ่มเป้าหมาย (Target) ที่จะเห็นตัวโฆษณาของเรา โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเว็บไซต์ไหน ถ้า Audience ที่เราต้องการไปที่เว็บไซต์ไหน โฆษณานั้นก็จะไปแสดงที่เว็บไซต์นั้นๆ เลย ซึ่งต้องมีการประมูลกัน หากมีผู้ลงโฆษณาหลายคน แต่ละ Impression ที่แสดงผลต่อกลุ่มเป้าหมายแต่ละคน คนละเวลากัน ก็จะมีค่า CPM ที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับกลุ่มเป้าหมายและความสนใจของกลุ่มเป้าหมายในเวลานั้นๆ

PAID Media 

Paid Media คือ สื่ออะไรก็ตามที่ต้องจ่ายเงินเพื่อโปรโมทเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย และต้องการนำคนเหล่านี้มายัง Owned Media ของเราเอง เช่น Print Ads, TV Ads, Display Ads, Paid Search และ Promoted Posts on Facebook เป็นต้น

OWNED Media

Owned Media คือ ช่องทางการสื่อสาร หรือ แพลตฟอร์มที่เป็นของแบรนด์และแบรนด์สร้างขึ้นมาหรือสามารถคอนโทรลได้ อาทิเช่น เว็บไซด์ หรือ Mobiel Site หรือ Social Media : Facebook Page, Twitter หรือ Instagram เป็นต้น

EARNED Media

Earned Media คือ เมื่อมีคนพูดถึงสินค้าบริการหรือแบรนด์ ไม่ว่าจากการที่เขาได้ ไลท์, แชร์, ตอบกระทู้, คอมเม้น ในเนื้อหาในวีดีโอหรือสื่อของแบรนด์ ซึ่งเป็นการช่วยเผยแพร่โปรโมทสินค้าและบริการของแบรนด์เรานั่นเอง

DYNAMIC AD

เป็นโฆษณาที่มีรูปแบบพิเศษ โดย Dynamic Ad เป็นโฆษณาที่แสดงเฉพาะบุคคลหรือการแสดงที่ไม่ซ้ำกันแบบ Real Time เมื่อมีการร้องขอโฆษณาจาก Ad Server โฆษณาแบบนี้จะถูกสร้างขึ้นในทันทีโดยใช้รูปแบบการแสดงผลที่ไม่ซ้ำกันและองค์ประกอบที่แตกต่างกันที่ดึงข้อมูลมาจากข้อมูลสินค้าของเวปของร้านค้า

LANDING PAGE

หน้า Web Page ที่กำหนดไว้ในการทำแคมเปญทางการตลาดดิจิทัล  เช่น แคมเปญการแสดงผลโฆษณา PPC, โปรแกรมการตลาดพันธมิตร, แคมเปญการตลาดด้วยอีเมล และแคมเปญจากออฟไลน์ เป็นต้น  เป้าหมายหลักของหน้า Landing Page คือเป็นที่นำไปสู่เป้าหมายของแคมเปญ เช่น เพื่อกระตุ้นการซื้อ หรือให้ข้อมูลบางอย่างต่อการตัดสินใจซื้อ

CONVERSION

เป้าหมายหรือการคนตอบสนองตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ เช่น การซื้อสินค้า การลงทะเบียน การสมัครสมาชิกรับจดหมายข่าว หรือดาวน์โหลดไฟล์ และอื่น ๆ Conversion Rate คือ จำนวนของผลที่ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย เช่นถ้าเป้าหมายหลักของเราคือ การสมัครสมาชิกผ่านเวปไซด์หากมีจำนวนผู้เยี่ยมชม 100 คน แต่มีเพียง 5 คนที่สมัครเป็นสมาชิก %Conversion Rate = 5%

COST PER ACQUISITION (CPA)

หมายถึงอัตราส่วนของค่าใช้จ่ายทั้งหมดต่อการได้มาซึ่งเป้าหมาย เช่น การขายหรือการได้ลูกค้าใหม่ มักจะเรียกว่า “CPA” หรือ “ค่าใช้จ่ายต่อเป้าหมายที่กำหนดไว้ ค่าใช้จ่ายต่อการได้มานั้น การกำหนดราคาจะถูกเรียกเก็บจากแพลตฟอร์มโฆษณาก็ต่อเมื่อนำไปสู่การขายหรือการได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ข้อดีของ CPA คือ จะถูกคิดค่าบริการเมื่อได้ผลลัพธ์ตามที่เราต้องการ

COST PER CLICK (CPC)

ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกสำหรับการเข้าชมเว็บไซต์ เราจะเสียเงินให้กับ Google หรือ Publishers ก็ต่อเมื่อมีคนคลิกโฆษณาของเราเท่านั้น แต่จะซื้อสินค้าหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับความน่าสนใจหรือความต้องการของลูกค้า

COST PER THOUSAND (CPM)

ค่าใช้จ่ายต่อการแสดงผลโฆษณา 1,000 ครั้ง การจ่ายเงินให้กับ Google หรือ Publishers เมื่อมีคนเห็นโฆษณาของเราครบ 1,000 ครั้ง ส่วนจะเสียเงินกี่บาทนั้น ขึ้นอยู่กับราคาที่ทาง Google หรือ Publishers กำหนด

CLICK THROUGH RATE (CTR)

อัตราส่วนที่แสดงว่าผู้ที่เห็นโฆษณาของเราคลิกโฆษณาบ่อยเพียงใด เราสามารถใช้ CTR เพื่อวัดประสิทธิภาพของคำหลักและโฆษณาของเรา CTR คือจำนวนการคลิกที่โฆษณาของเราได้รับหารด้วยจำนวนครั้งที่โฆษณาของคุณปรากฏ โดยแสดงเป็นเปอร์เซ็นต์ (จำนวนคลิก ÷ การแสดงผล = CTR) ตัวอย่างเช่น ถ้ามีการคลิก 5 ครั้ง และการแสดงผล 1,000 ครั้ง ดังนั้น CTR ของเราจะเท่ากับ 0.5%

COST PER VIEW (CPV)

ค่าใช้จ่ายต่อการคลิกสำหรับการชมคอนเทนต์รูปแบบวีดีโอ เราจะเสียเงินให้กับ Google หรือ Publishers ก็ต่อเมื่อมีคนคลิกดูวีดีโอของเราเท่านั้น 

 

Negative Keywords List AdWords Campaign Should Exclusion


negative keyword หมายถึง คำหลักในเชิงลบ ใช้สำหรับเพื่อกรองกลุ่มผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตให้เหลือเพียงแต่ลูกค้า หรือกลุ่มเป้าหมายของสินค้าหรือบริการของเราเท่านั้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการโฆษณาของเราให้ได้ผลเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เสียไปจากกลุ่มผู้ใช้ที่ไม่ใช่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย ของสินค้าหรือบริการของเราโดยสามารถแบ่งเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้ ดังนี้ …

Group default to all of your campaigns Search Negative Keywords

  • porn
  • xxx
  • 18+
  • clip
  • clip 18+
  • sexy
  • adult
  • video sex
  • แก้ผ้า
  • ศพ
  • เปลือยกาย
  • รูปสาว
  • film xx
  • นู๊ด
  • adult films
  • รูปนู๊ด
  • เปลือย
  • x videos
  • free games
  • game
  • ฆ่าตาย
  • naked
  • x vdo
  • naked news
  • vdo x
  • ฆาตกรรม
  • เปลือย
  • หนัง x

Group ค้นหาของฟรีในอินเตอร์เนต Search Negative Keywords

ฟรี

ฟรีดาวน์โหลด

ตัวอย่างสินค้า

chargeless

no cost

no charge

costless

exempt

gift

Group ค้นหาโปรแกรมและเกมส์คอมพิวเตอร์ แบบไม่ฟรี Search Negative Keywords

ฟรี

ฟรีดาวน์โหลด

computer program

windows

shareware

freeware

free download

demo

download

Group ค้นหางาน Search Negative Keywords

รายได้เสริม

ธุรกิจออนไลน์

earn

affiliate

partner program

home business

make money

Group ราคาสินค้า Search Negative Keywords

รีวิว

เสปค

ราคา

ลดราคา

รายละเอียด

onsultant

services

technician

article

brochure

compare

ebook

report

information

review

news

photo

test

test report

user’s manual

auction

cheap price

low price

coupon

discount

save

trial

used

voucher

Group adult video Search Negative Keywords

  • free
  • cheap
  • nude
  • naked
  • sex
  • porn
  • porno
  • torrent
  • torrents
  • youtube
  • craigslist
  • ebay
  • kijiji

Group Employment Search Negative Keywords

  • hire
  • hiring
  • employment
  • employer
  • employers
  • job
  • jobs
  • occupation
  • occupations
  • career
  • careers
  • occupation
  • occupations
  • full time
  • part time
  • work
  • resume
  • resumes
  • salary
  • salaries
  • pay
  • intern
  • recruiter
  • recruiters
  • recruitment
  • resume
  • resumes

Group Education Search Negative Keywords

  • training
  • learn
  • class
  • classes
  • school
  • schools
  • college
  • university
  • tutorial
  • tutorials
  • course
  • courses
  • textbook
  • textbooks
  • book
  • books

Group  Research & Information Search Negative Keywords

  • review
  • reviews
  • rating
  • ratings
  • opinion
  • opinions
  • article
  • articles
  • information
  • info
  • pics
  • picture
  • pictures
  • photo
  • photos
  • how to
  • how do i

Group  Avoiding Job Seekers Search Negative Keywords

  • career
    careers
    employment
    hiring
    intern
    interns
    internship
    internships
    job
    jobs
    recruiter
    recruiting
    resume
    resumes
    salaries
    salary

Group Reference Search Negative Keywords

about
definition
diagram
example
examples
history
map
maps
sample
samples
what are
what is

Group No Research & Stats Search Negative Keywords

association
associations
book
books
case studies
case study
guide
guides
journal
journals
magazine
magazines
metrics
news
research
review
reviews
statistics
stats
success stories
success story
tutorial
tutorials
white paper
white papers

Group We Don’t Provide Education Search Negative Keywords

class
classes
college
colleges
course
courses
education
school
schools
training
universities
university

Group No Bargains Search Negative Keywords

bargain
cheap
clearance
close out
close outs
closeout
closeouts
discount
discounted
free
inexpensive
liquidation
odd lots
overstock
remainder
remainders

Group Avoiding Price Shoppers Search Negative Keywords

price
prices
pricing
quote
quotes

Group Avoiding DIY Search Negative Keywords

craft
crafts
create
creating
hand made
handmade
home
homemade
how to
make
making

Group Selling Commercial Software Search Negative Keywords

burn
burner
cd
code
community
desktop
developer
developers
disk
download (if you don’t have one)
downloads (if you don’t have any)
dvd
error
file
files
forum
free
freeware
game
games
gnu
hack
hacks
libraries
library

Group Manufacturing & Industrial Search Negative Keywords

antique
consumer
export
exporter
exporters
hobby
import
importer
importers
measurement
model
models
regulations
rent
rental
repair
repairs
retail
retailer
retailers
rules
safety
specifications
specs
standards
store
toy
toys
used
vintage

Group Product Materials  Search Negative Keywords

aluminum
ceramic
cotton
fabric
glass
gold
iron
leather
metal
paper
plastic
rubber
silver
stainless steel
steel
stone
vinyl
wood

Group Legal/Law Search Negative Keywords

act
act of
compliance
law
laws
legal
legislation
regulation
regulations

Group B2B Marketers May Consider Search Negative Keywords

club
clubs
consultants
consulting
gift
gifts
online
photo
photograph
photographs
picture
pictures
send
sending